กบฏนางใน ลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิ

เหตุการณ์วางแผนลอบปลงพระชนม์จักรพรรดิในปีเรินอิ้น หรือที่รู้จักกันว่า “กบฏนางใน” เป็นเรื่องที่เกิดขึ้นในปีค.ศ. 1542 สมัยราชวงศ์หมิง เมื่อมีนางในจำนวน 16 คนร่วมกันวางแผนสังหารจักรพรรดิเจียจิ้ง จักรพรรดิองค์นี้มีความเชื่อในลัทธิเต๋าและนิยมใช้ยาลึกลับที่ทำจากสารแปลก ๆ เพื่อเสริมสุขภาพ หนึ่งในนั้นคือการใช้น้ำเลือดประจำเดือนของเด็กหญิงที่ยังบริสุทธิ์ ซึ่งรวมกับการปฏิบัติที่โหดร้ายที่นางในต้องเผชิญ อาจเป็นต้นเหตุให้เกิดความไม่พอใจและนำไปสู่การก่อกบฏ
บางแหล่งเล่าว่าเด็กสาวเหล่านี้ยังถูกสั่งให้เก็บน้ำค้างตอนเช้าจากใบต้นกล้วยเพื่อถวายจักรพรรดิ ซึ่งทำให้พวกเธอป่วยบ่อยและสุขภาพแย่ลงไปอีก
ในวันเกิดเหตุ กลุ่มนางในได้บุกเข้าห้องของพระนางต้วน ซึ่งเป็นนางสนม และพยายามใช้เชือกรัดคอจักรพรรดิ แต่ไม่สำเร็จ จักรพรรดิตกใจจนเป็นลมไปก่อน หนึ่งในผู้สมรู้ร่วมคิดชื่อจางจิ้นเหลียน ดันไปแจ้งเรื่องกับฮองเฮาฟาง ซึ่งเธอรีบเข้ามาช่วยจนจักรพรรดิฟื้นกลับมาได้

หลังจากนั้น ฮองเฮาฟางก็สั่งลงโทษทันที ผู้หญิงที่เกี่ยวข้องทั้งหมดถูกตัดสินประหารอย่างโหดเหี้ยม แม้แต่พระนางต้วนเองที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ก็ยังถูกประหารเพราะเชื่อว่ามีส่วนเกี่ยวข้อง ครอบครัวของพวกเธอก็พลอยซวยไปด้วย บางคนถูกตัดหัว บางคนถูกจับไปเป็นทาส
ผลจากเหตุการณ์นี้ส่งผลต่อจิตใจของจักรพรรดิเจียจิ้งอย่างแรง พระองค์โทษฮองเฮาฟางว่าเป็นต้นเหตุให้พระนางต้วนตาย และต่อมาก็ปล่อยให้ฮองเฮาโดนเผาตายในกองเพลิง โดยอ้างว่าเป็น “เจตนาสวรรค์” แม้เกิดเรื่องแบบนี้ขึ้น จักรพรรดิยังคงหมกมุ่นกับยาลึกลับและพิธีกรรมทางลัทธิเต๋าต่อไป และยังเข้มงวดเรื่องการคัดเลือกเด็กสาวเข้าสู่ตำหนักมากยิ่งขึ้น มีการรับเด็กผู้หญิงเข้าวังอีกหลายร้อยคนในเวลาต่อมา บางคนอายุแค่ 8 ขวบเท่านั้น