โบดิกา ราชินีสยบโรมัน
บูดิก้า ทรงเป็นราชินีแห่งชนเผ่าไอซินี ในปี ค.ศ. 43 ชาวโรมันได้เข้าในมาอังกฤษ ตรงกับยุคของจักรพรรดิคลอดิอุส ชาวอังกฤษจำนวนมากยินดีต้อนรับพวกเขาโดยไม่คิดว่าในระยะยาวนั้นจะเป็นอย่างไร ต่อมาในปี ค.ศ.60 กษัตริย์แห่งเผ่าไอซินี นามว่า พราซูทากุส สิ้นพระชนม์ลง อาณาจักรของพระองค์อยู่ในสภาพต้องแบ่งกันระหว่างจักรวรรดิโรมันกับพระธิดาสององค์โดยมีมเหสีหม้ายคือโบดิกาเป็นผู้สำเร็จราชการ แต่ด้วยพระองค์สิ้นพระชนม์โดยไม่มีผู้สืบทอดที่เป็นชาย โรมันจึงเห็นว่าสัญญาสันติภาพกับกรุงโรมที่พระองค์เคยทำไว้เป็นโมฆะ
การสืบทอดอำนาจภายใต้กฏหมายของโรมันจำเป็นต้องเป็นผู้ชายเท่านั้น ดังนั้นการมีผู้หญิงปกครองจึงถือว่าชาวไอซีนีเป็นพวกป่าเถื่อน ในขณะนั้นอังกฤษถูกปล้นชิงด้วยน้ำมือชาวโรมันที่อยู่ใต้การปกครองของคาตุส ดีเซียนุส บูดิก้าทำการประท้วงการกระทำนี้ ชาวโรมันจึงนำตัวของพระนางแห่ประจานและอนุญาตให้ทาสข่มขืนพระธิดา เหตุการณ์ทั้งหมดสร้างความโกรธแค้นให้แก่โบดิกา และชาวไอซินี รวมถึงเผ่าทริโนวานเตสที่โกรธแค้นชาวโรมันอยู่แล้ว จึงร่วมกับบูดิก้าก่อขบถต่อกรุงโรม
ในการรบแรก บูดิก้านำกองกำลังเข้ายึดเมืองโคลเชสเตอร์เพื่อปล้นสะดม และด้วยเหตุที่โคลเชสเตอร์ไม่ได้ทันตั้งตัว ตัวเมืองไม่มีป้อมปราการ กองทหารโรมันที่อยู่ใกล้และยกพลมาช่วยก็โดนชาวอังกฤษดักซุ่มโจมตีระหว่างทางจนแตกพ่าย ทำให้บูดิก้าชนะศึกในครั้งนั้น
การรบครั้งต่อมา พระนางนำกองทัพเดินหน้าไปยังลอนดอน เขตการค้าหลักของจักรวรรดิโรมันในอังกฤษ ซึ่งศึกในครั้งนี้โบดิกาก็ยังได้รับชัยชนะ การรบครั้งสุดท้าย บูดิก้าตัดสินใจไล่พวกโรมันขึ้นเหนือ แต่กลับกลายเป็นว่า เป็นการสร้างความได้เปรียบให้กับชาวโรมันที่มีคนน้อยกว่า
กองทัพโรมันใช้กลยุทธ์รบในทางแคบ ทำให้ฝ่ายโบดิกาไม่สามารถเข้าล้อมโจมตีได้ จากนั้นฝ่ายโรมันก็ใช้พลหอกซัดทำลายแนวหน้าของกบฏ ตามด้วยทหารม้าที่ติดหอกขนาดใหญ่เคลื่อนตัวในลักษณะคล้ายลิ่ม เพื่อทะลุทะลวง บูดิก้าพยายามถอนทัพแต่ไม่สำเร็จ เพราะติดเกวียนเสบียงที่นำมาตั้งไว้ใกล้แนวรบเกินไป ส่งผลให้การรบครั้งนี้กองทัพของบูดิก้าพ่ายแพ้อย่างยับเยิน บูดิก้าแห่งไอซินี วางยาพิษตัวเองสิ้นชีพหลังพ่ายแพ้สงคราม บางเอกสารบอกว่าเธอล้มป่วยและเสียชีวิต
About The Author
