June 12, 2025

สังหารหมู่คัตติน อดีตอันเจ็บปวดของโปแลนด์

0

เหตุการณ์สังหารหมู่คัตติน (Katyn massacre) คือการประหารชีวิตหมู่เจ้าหน้าที่ทหารและตำรวจของโปแลนด์ รวมถึงเจ้าหน้าที่ชายแดนและปัญญาชนโปแลนด์จำนวนเกือบ 22,000 คน โดยหน่วยตำรวจลับโซเวียต NKVD ภายใต้คำสั่งของโจเซฟ สตาลิน ในช่วงเดือนเมษายนถึงพฤษภาคม ปี 1940 ถึงแม้ว่าจะมีบางส่วนถูกสังหารในพื้นที่อื่นด้วย แต่เหตุการณ์นี้ถูกตั้งชื่อตามป่าคัตติน เพราะที่นั่นคือจุดที่กองทัพนาซีเยอรมันค้นพบหลุมศพหมู่ครั้งแรกในปี 1943 เหตุการณ์นี้ถือเป็นอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อาชญากรรมสงคราม และยังถูกจัดว่าเป็นอาชญากรรมของคอมมิวนิสต์ด้วย บางแหล่งข้อมูลก็ถึงกับบอกว่ามีลักษณะของการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ การสังหารเหล่านี้ถูกสั่งอย่างลับ ๆ โดยโปลิตบูโรแห่งสหภาพโซเวียต

ผู้เสียชีวิตรวมถึงเจ้าหน้าที่ทหารประมาณ 8,000 คนที่ถูกจับกุมระหว่างการรุกรานโปแลนด์ของโซเวียตในปี 1939 ตำรวจประมาณ 6,000 คน และปัญญาชนอีกประมาณ 8,000 คน ซึ่งกลุ่มนี้มีทั้งชาวโปแลนด์ เชื้อสายยูเครน เบลารุส และยิวโปแลนด์ การค้นพบหลุมศพหมู่ทำให้เกิดการสอบสวน และหลังสงคราม สหภาพโซเวียตก็พยายามปัดความผิดโดยกล่าวโทษนาซีว่าเป็นคนสังหาร แต่พวกเขาไม่ยอมรับความจริงจนถึงปี 1990 ซึ่งก็แค่ยอมรับว่าเป็นฝีมือของ NKVD เท่านั้น โดยไม่ถือว่าเป็นอาชญากรรมสงคราม การสอบสวนหลังจากนั้นยืนยันว่าฝ่ายโซเวียตเป็นผู้กระทำจริง แต่ก็ไม่ได้ระบุว่าเป็นการฆาตกรรมหมู่

เบื้องหลังของเหตุการณ์เริ่มต้นจากการที่เยอรมนีบุกโปแลนด์ในวันที่ 1 กันยายน 1939 และโซเวียตก็ตามมาบุกทางตะวันออกในวันที่ 17 กันยายน ภายใต้ข้อตกลงโมโลตอฟ-ริบเบนทรอป กองทัพแดงแทบไม่เจอการต่อต้าน เพราะฝ่ายโปแลนด์ได้รับคำสั่งให้หลีกเลี่ยงการปะทะ มีทหารและตำรวจโปแลนด์ถูกจับประมาณ 250,000 คน หลายคนถูกปล่อยตัวหรือหลบหนี แต่ราว ๆ 125,000 คนถูกควบคุมตัว ชาวโปแลนด์ยังถูกกดขี่ทางการเมืองในช่วงเวลานี้ด้วย โดยคาดว่าประมาณ 320,000 คนถูกเนรเทศไปโซเวียต NKVD รับหน้าที่ดูแลเชลยศึกเหล่านี้และตั้งค่ายขึ้นเพื่อสอบสวนภายใต้แรงกดดันทางการเมือง

ตั้งแต่เดือนมีนาคมถึงเมษายน 1940 NKVD เริ่มคัดเลือกผู้ที่จะถูกประหาร โดยในวันที่ 5 มีนาคม คำสั่งประหารถูกลงนามโดยสตาลินและผู้นำระดับสูงคนอื่น ๆ ให้กำจัดพวกที่ถูกมองว่าเป็น “ชาตินิยมและปฏิกิริยานิยม” ดังนั้นในช่วงเดือนเมษายนถึงต้นพฤษภาคม 1940 มีชาวโปแลนด์ประมาณ 21,857 คนถูกประหาร ซึ่งส่วนใหญ่เกิดขึ้นในสามค่ายใหญ่ ผู้เสียชีวิตมีทั้งเจ้าหน้าที่ระดับสูงในกองทัพและพลเรือนจำนวนมาก

การค้นพบหลุมศพหมู่เป็นจุดเปลี่ยนสำคัญที่ทำให้โลกเริ่มรับรู้ถึงเหตุการณ์นี้ ตอนแรก ๆ การสืบสวนถูกกลบเกลื่อน แต่เมื่อหลักฐานเริ่มชัดเจนขึ้น รัฐบาลนาซีก็ใช้เหตุการณ์นี้เป็นเครื่องมือโจมตีโซเวียต ในปี 1942 นายทหารโปแลนด์ที่ถูกคุมตัวในโซเวียตเริ่มสืบหาชะตากรรมของคนที่หายไป และรายงานถึงรัฐบาลว่าเจอหลุมศพหมู่ แม้ว่าโซเวียตจะยังคงปฏิเสธ แต่ในที่สุดก็มีการสอบสวนเพิ่มเติมที่ยืนยันความโหดร้ายครั้งนี้ได้ชัดเจน

เหตุการณ์คัตตินถือเป็นเหตุการณ์สำคัญในประวัติศาสตร์ของโปแลนด์ และยังส่งผลต่อความสัมพันธ์ระหว่างโปแลนด์กับรัสเซียจนถึงทุกวันนี้ หลายฝ่ายยังคงเรียกร้องให้รำลึกถึงผู้เสียชีวิตอยู่เรื่อย ๆ ทั้งในรูปแบบของอนุสรณ์สถานและการพูดคุยทางการเมืองเกี่ยวกับการยอมรับอดีตอันเจ็บปวดนี้

About The Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *