สงครามแปดอ๋อง

สงครามแปดองค์ชายเป็นเหตุการณ์ที่เกิดจากการแย่งชิงอำนาจและรัฐประหารหลายครั้งระหว่างองค์ชายของราชวงศ์จินตะวันตกในจีน ช่วงปี ค.ศ. 291 ถึง 306 โดยศูนย์กลางของความขัดแย้งอยู่ที่การควบคุมอำนาจหลังจากจักรพรรดิฮุ่ยขึ้นครองราชย์ ซึ่งพระองค์มีความบกพร่องทางพัฒนาการ ทำให้ราชสำนักเกิดช่องว่างทางอำนาจ
ชื่อ “สงครามแปดองค์ชาย” มาจากชีวประวัติของทั้งแปดองค์ใน “หนังสือประวัติราชวงศ์จิน” แต่จริงๆ แล้วชื่อนี้อาจทำให้เข้าใจผิด เพราะเหตุการณ์ไม่ได้เป็นสงครามต่อเนื่องตลอดเวลา มีช่วงพักสงบอยู่เป็นระยะๆ และองค์ชายแต่ละคนก็ไม่ได้ออกศึกพร้อมกัน แต่เป็นการแย่งอำนาจกันแบบต่อเนื่อง สลับกันขึ้นมาและล้มกันไป สร้างความวุ่นวายในราชสำนักและภายในประเทศ
ช่วงแรกของความขัดแย้ง (ปี 290-291) เป็นการต่อสู้กันเพื่ออำนาจของราชบัลลังก์ระหว่างตระกูลหยางและเจี่ย โดยองค์ชายซือหม่า เลี่ยง และซือหม่า เว่ย เป็นตัวละครสำคัญในช่วงแรก การต่อสู้ในช่วงนี้ยังคงจำกัดอยู่แค่ในเมืองหลวงลั่วหยาง ยังไม่ลุกลามมากนัก
แต่ช่วงหลัง (ปี 300-306) เริ่มทวีความรุนแรง โดยเฉพาะหลังจากที่ตระกูลเจี่ยถูกโค่นอำนาจลง จุดสำคัญอยู่ที่การที่ซือหม่า หลุนยึดอำนาจในปี 301 ทำให้เกิดสงครามกลางเมืองที่สร้างความเสียหายอย่างหนักในภาคเหนือของจีน และถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคหกราชวงศ์ (Sixteen Kingdoms)
บรรดาองค์ชายที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งนี้ได้แก่ ซือหม่า เลี่ยง, ซือหม่า เว่ย, ซือหม่า หลุน, ซือหม่า จิ้ง, ซือหม่า อ้าย, ซือหม่า หยิง, ซือหม่า หย่ง และซือหม่า เยว่ พวกเขาร่วมวงกับตัวละครอื่นๆ เช่น จักรพรรดิฮุ่ย ผู้สำเร็จราชการ และสมาชิกในราชวงศ์คนสำคัญอย่างจักรพรรดินีเจี่ย

องค์ชายเหล่านี้ไม่ได้อยู่ในแคว้นของตัวเองเท่านั้น แต่เข้ามาเล่นการเมืองกันตรงในลั่วหยาง ซึ่งเป็นศูนย์กลางอำนาจ และช่วงที่อำนาจของพวกเขาขึ้นสูงสุดก็มักจะอยู่ในเมืองหลวงนี่แหละ
เหตุการณ์เริ่มขึ้นจากช่วงปลายรัชกาลของจักรพรรดิอู่ เมื่อหยาง จวิ้น พยายามควบคุมซือหม่า จง ที่ตอนนั้นเป็นรัชทายาท หลังจากจักรพรรดิอู่สิ้นพระชนม์ในปี 290 หยาง จวิ้นขึ้นเป็นผู้สำเร็จราชการ แต่ก็โดนต่อต้านหนัก สุดท้ายจักรพรรดินีเจี่ยรวบรวมกำลังโค่นอำนาจเขาในปี 291
จากนั้นซือหม่า เลี่ยงกับซือหม่า เว่ยก็ขึ้นมามีบทบาทเป็นผู้สำเร็จราชการ แต่ก็เกิดความขัดแย้งกันเอง จนสุดท้ายซือหม่า เว่ยใช้อำนาจทางทหารล้มซือหม่า เลี่ยง แต่ไม่นานก็ถูกจักรพรรดินีเจี่ยเล่นงานคืนอีก
ช่วงต่อมา 9 ปีถัดไป จักรพรรดินีเจี่ยปกครองผ่านสมาชิกในครอบครัวของเธอเอง ทำให้เกิดการคอร์รัปชันอย่างหนัก บ้านเมืองไร้เสถียรภาพ และมีการก่อกบฏโดยชนเผ่าต่างๆ ในปี 296 ซึ่งแม้จะปราบลงได้ชั่วคราว แต่ก็เป็นสัญญาณว่าราชวงศ์จินเริ่มสั่นคลอน

ความแตกแยกระหว่างองค์ชาย ทำให้รัฐจินอ่อนแอลงเรื่อยๆ จนกระทั่งชนกลุ่มน้อยที่อพยพมาตั้งถิ่นฐานในจีนเริ่มลุกฮือขึ้น เพราะไม่พอใจการปกครอง ทั้งชาวจีนพื้นเมืองและชนเผ่าต่างๆ ก็หมดศรัทธาในราชวงศ์
เมื่อสงครามจบลง จีนก็เข้าสู่ความโกลาหลหนักยิ่งกว่าเดิม เกิดราชวงศ์ย่อยๆ มากมายในภาคเหนือ และในที่สุดก็เกิดการสถาปนาราชวงศ์จินตะวันออกขึ้นทางภาคใต้
เหตุการณ์นี้สะท้อนให้เห็นปัญหาของระบบที่ให้อำนาจแก่เหล่าองค์ชายทั้งด้านการทหารและการปกครอง โดยไม่มีระบบคุมกันที่ดี โดยเฉพาะในช่วงที่สายเลือดของราชวงศ์ถูกตั้งคำถาม เพราะจักรพรรดิฮุ่ยมีภาวะบกพร่องทางพัฒนาการ ทำให้เกิดช่องว่างในระบบสืบราชบัลลังก์ การแย่งชิงภายในจึงเปิดทางให้ภัยจากภายนอกบุกเข้ามา นำไปสู่ยุคที่วุ่นวายต่อเนื่องยาวนานกว่าศตวรรษ