June 12, 2025

สงครามอียิปต์ ยุคโบราณ

0

แผ่นศิลานาเมอร์ (Narmer Palette) เป็นภาพแกะสลักของอียิปต์โบราณที่แสดงให้เห็นกษัตริย์นาเมอร์ปราบศัตรูด้วยการสนับสนุนจากเทพเจ้า ถูกสร้างขึ้นราว 3200-3000 ปีก่อนคริสต์ศักราช เดิมทีผู้คนมองว่าภาพนี้เป็นบันทึกเหตุการณ์จริงเกี่ยวกับการรวมอียิปต์เป็นหนึ่งภายใต้นาเมอร์ แต่ปัจจุบันมีการตีความใหม่ว่ามันอาจเป็นเพียงสัญลักษณ์ที่เน้นย้ำภาพลักษณ์ของกษัตริย์ในฐานะนักรบ ซึ่งต่างจากกษัตริย์เมโสโปเตเมียที่ให้ความสำคัญกับการขยายอาณาเขต ในขณะที่อียิปต์สนใจเรื่องการปกป้องดินแดนของตัวเองมากกว่า

จากหลักฐานยุคแรก ๆ สงครามของอียิปต์มักเป็นเรื่องของความขัดแย้งภายใน มากกว่าการรุกรานดินแดนอื่น แบบแผนนี้ยังคงอยู่เรื่อยมาจนถึงยุคราชวงศ์กลาง (Middle Kingdom) โดยในราชวงศ์ที่ 12 ได้มีการจัดตั้งกองทัพถาวรเป็นครั้งแรกเพื่อใช้ในสงครามนอกอียิปต์

แม้ว่าจะมีการถกเถียงกันว่านาเมอร์ทำสงครามจริงหรือเป็นเพียงสัญลักษณ์ แต่สิ่งที่แน่ชัดคือกองทัพมีบทบาทสำคัญในการรักษาความเป็นปึกแผ่นของอียิปต์ หลักฐานจากยุคราชวงศ์ต้น ๆ (Early Dynastic Period) ชี้ให้เห็นถึงความไม่สงบภายในประเทศ มีการต่อสู้แย่งชิงบัลลังก์เกิดขึ้น เมื่อมาถึงอาณาจักรใหม่ (New Kingdom) อำนาจทางทหารของอียิปต์เติบโตขึ้นอย่างเห็นได้ชัด โดยเฉพาะในสมัยฟาโรห์ทุตโมสที่ 3 (Thutmose III) ที่นำทัพออกศึกมากถึง 17 ครั้งภายใน 20 ปี

ในช่วงต้น กองทัพของอียิปต์ไม่ได้เป็นกองทัพรวมศูนย์ แต่เป็นกลุ่มกองกำลังที่ถูกเรียกมาช่วยรบจากขุนนางท้องถิ่น (Nomarchs) และปัญหานี้เองก็ส่งผลให้ในยุคราชอาณาจักรเก่า (Old Kingdom) อำนาจของฟาโรห์ลดลงเมื่อขุนนางเหล่านี้แข็งแกร่งขึ้น จนนำไปสู่การล่มสลายของอาณาจักร

จนกระทั่ง เมนทูโฮเทปที่ 2 (Mentuhotep II) อาจเป็นผู้เริ่มก่อตั้งกองทัพอาชีพเพื่อรวมศูนย์อำนาจกลับมา และต่อมา อาเมเนมเฮตที่ 1 (Amenemhat I) ได้รับเครดิตว่าเป็นผู้สร้างกองทัพถาวรขึ้นจริง โดยเปลี่ยนระบบบัญชาการให้อยู่ภายใต้ฟาโรห์โดยตรงแทนที่จะเป็นขุนนางท้องถิ่น อาวุธของทหารในยุคราชอาณาจักรเก่ามักเป็นกระบองไม้และอาวุธไม้ทั่วไป แต่พอถึงยุคราชอาณาจักรกลางก็มีการใช้ทองแดงและสำริดมากขึ้น พร้อมกับการจัดระเบียบกองทัพให้มีโครงสร้างที่ชัดเจน

ระบบการทหารของอียิปต์พัฒนาขึ้นมากในยุคราชอาณาจักรกลาง โดยมีตำแหน่งข้าราชการทางทหารและแม่ทัพอย่างเป็นระบบ กองทัพกลายเป็นช่องทางหนึ่งที่เปิดโอกาสให้ประชาชนสามารถไต่เต้าทางสังคมได้ จุดสูงสุดของความแข็งแกร่งทางทหารมาถึงในยุคของเซนุสเรตที่ 3 (Senusret III) ซึ่งสามารถรักษาอาณาเขตของอียิปต์และลดอำนาจของพวกขุนนางท้องถิ่นลงได้

แต่เมื่อถึงราชวงศ์ที่ 13 ความอ่อนแอของอียิปต์ก็เปิดทางให้ชาวฮิกซอส (Hyksos) เข้ามามีอำนาจ พร้อมกับนำเทคโนโลยีสงครามใหม่ ๆ อย่างรถม้าศึกเข้ามา ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้นของยุคกลางที่สอง (Second Intermediate Period)

ในช่วงที่อียิปต์แตกออกเป็นหลายฝ่าย มีทั้งชาวฮิกซอสทางเหนือ ชาวอียิปต์ทางใต้ และชาวนูเบียที่เข้ามามีบทบาท แต่สุดท้าย เซเคเนนเร ตาอา (Seqenenra Taa) จากธีบส์เป็นผู้ลุกขึ้นต่อต้านฮิกซอส จนนำไปสู่ชัยชนะของอาห์โมสที่ 1 (Ahmose I) และการก่อตั้งอาณาจักรใหม่ (New Kingdom) ซึ่งในช่วงแรกของอาณาจักรใหม่นี้ อียิปต์หันมาเน้นการขยายดินแดนอย่างจริงจัง

ยุคราชอาณาจักรใหม่ถือเป็นยุคทองของอียิปต์ มีฟาโรห์ผู้ยิ่งใหญ่หลายพระองค์ เช่น ฮัตเชปซุต (Hatshepsut) ทุตโมสที่ 3 และรามเสสที่ 2 (Ramesses II) ซึ่งต่างก็มีบทบาทสำคัญในการทำสงครามและขยายจักรวรรดิ กองทัพอียิปต์เปลี่ยนจากกลุ่มทหารท้องถิ่นไปเป็นกองทัพที่มีโครงสร้างชัดเจน มีหน่วยรบที่ใช้รถม้าศึกและกองทหารราบที่มีระเบียบแบบแผน

กองทัพที่มีระบบรวมศูนย์มากขึ้นทำให้อียิปต์สามารถแผ่ขยายอิทธิพลไปได้ไกล ทุตโมสที่ 3 เป็นตัวอย่างของการใช้กองทัพเพื่อสร้างอำนาจเหนือดินแดนรอบข้าง ขณะที่รามเสสที่ 2 ก็เดินหน้าสร้างกำลังทหารอย่างต่อเนื่อง มีการสร้างเมืองหลวงใหม่ที่เปร-รามเสส (Per-Ramesses) ซึ่งเป็นทั้งศูนย์กลางทางการทหารและอุตสาหกรรมอาวุธ

ศึกคาเดช (Battle of Kadesh) กับชาวฮิตไทต์ แม้ว่าจะไม่มีฝ่ายไหนชนะขาดลอย แต่ก็ส่งผลให้เกิดสนธิสัญญาสงบศึกฉบับแรกของโลก ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความสำคัญของการใช้ยุทธศาสตร์ทางทหาร

อียิปต์ยังพัฒนากองทัพเรือจากเดิมที่ใช้เพียงขนส่งทหารให้กลายเป็นกองกำลังที่มีบทบาทป้องกันภัยจากทางทะเล โดยเฉพาะจากกลุ่มโจรสลัดทะเลที่รู้จักกันในชื่อ “Sea Peoples”

โดยรวมแล้ว การพัฒนากองทัพของอียิปต์ ตั้งแต่กองกำลังแยกกันเป็นกลุ่ม ๆ ไปจนถึงกองทัพมืออาชีพที่มีโครงสร้างชัดเจน ถือเป็นปัจจัยสำคัญที่ช่วยกำหนดทิศทางของประวัติศาสตร์อียิปต์

About The Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *