ปลอมตัวเป็นชาย เพื่อร่วมรบกับสามี

โลเรตา จาเนตา เบลัซเกซ เกิดเมื่อวันที่ 26 มิถุนายน 1842 ที่กรุงฮาวานา เมืองหลวงของคิวบา เธอเป็นลูกคนสุดท้องในบรรดาพี่น้องหกคน พ่อของเธอเป็นเจ้าหน้าที่รัฐบาลสเปน ส่วนแม่มีเชื้อสายฝรั่งเศสและอเมริกัน โดยเป็นลูกสาวของชาวอเมริกันผู้มั่งคั่งและนายทหารเรือฝรั่งเศส

พ่อของเธอเป็นเจ้าของไร่ในเม็กซิโกและคิวบา เขาเกษียณจากงานในคิวบาและย้ายครอบครัวไปที่เท็กซัส ซึ่งในขณะนั้นยังเป็นส่วนหนึ่งของเม็กซิโก ไม่นานหลังจากที่พวกเขามาถึง สงครามเม็กซิโก-อเมริกาก็ปะทุขึ้น พ่อของเธอเริ่มเกลียดชังสหรัฐฯ อย่างมาก และตัดสินใจเข้าร่วมกับกองทัพเม็กซิโก เขาพาครอบครัวย้ายไปยังอินดีสตะวันตกเพื่อหนีจากอันตราย

ทรัพย์สินของพวกเขาถูกทำลายจากสงครามและถูกส่งมอบให้สหรัฐฯ ตามข้อตกลงเพื่อยุติความขัดแย้ง แน่นอนว่าพ่อของเธอไม่ต้องการอยู่ภายใต้การปกครองของสหรัฐฯ จึงย้ายครอบครัวไปอยู่ที่ Puerto de Palmas ในเม็กซิโก ที่นั่นเขาประสบความสำเร็จในการค้าขายสินค้า

ในการเลี้ยงดู โลเรตาได้รับการสอนหนังสือโดยครูชาวอังกฤษและใช้ชีวิตในนิวออร์ลีนส์อยู่ช่วงหนึ่ง ครอบครัวของเธอดูแลให้เธอเติบโตขึ้นเป็นหญิงสาวผู้มีวัฒนธรรมและมีท่าทีที่เหมาะสมกับสังคมในเวลานั้น ต่อมาครอบครัวของเธอก็จัดการให้เธอแต่งงานกับหนุ่มชาวสเปน ซึ่งไม่ใช่เพราะพวกเขารักกันเป็นพิเศษ

แต่โลเรตาเป็นคนที่รักการผจญภัยและต้องการชีวิตที่มากกว่าการทำตามสิ่งที่คนอื่นคาดหวัง เธอจึงสร้างความขัดแย้งกับครอบครัวด้วยการหนีไปกับนายทหารสหรัฐฯ ชื่อ จอห์น วิลเลียมส์ เมื่อไม่สามารถอยู่กับครอบครัวได้อีกต่อไป โลเรตาก็ย้ายไปอยู่กับสามีและติดตามเขาไปตามสถานที่ต่างๆ ที่เขาถูกส่งไปประจำการ ทั้งคู่มีลูกด้วยกันสามคน แต่โชคร้ายที่ลูกทุกคนเสียชีวิตตั้งแต่ยังเป็นทารก เหตุการณ์นี้กระตุ้นให้โลเรตาตัดสินใจทำตามความฝันในการผจญภัยของเธอ

เมื่อสงครามกลางเมืองเริ่มขึ้นในเดือนเมษายน 1861 วิลเลียมส์เปลี่ยนจากกองทัพสหรัฐฯ ไปเข้าร่วมกับกองทัพฝ่ายสมาพันธรัฐ โลเรตาเห็นโอกาสในการผจญภัยและไม่อยากแยกจากสามี จึงเสนอว่าจะแต่งตัวเป็นผู้ชายและเข้าร่วมสงครามกับเขา แต่สามีของเธอไม่เห็นด้วย

เมื่อเขาออกไปรบ โลเรตาไม่ยอมแพ้ เธอจึงแต่งตัวเป็นผู้ชาย ใช้ชื่อว่าเฮนรี ที บูฟอร์ด และออกเดินทางเกณฑ์ทหาร 236 คนจากอาร์คันซอไปเข้าร่วมกับสามีที่เพนซาโคลา รัฐฟลอริดา

วิลเลียมส์ประทับใจมากและยอมให้โลเรตาเข้าร่วมกับเขา แต่โชคร้ายที่วิลเลียมส์ถูกฆ่าตายระหว่างการฝึกกับลูกน้องของเขา เมื่อเป็นหม้าย โลเรตาไม่อยากอยู่กับกองทหารอีกต่อไป จึงเดินทางไปเวอร์จิเนียและเข้าร่วมการรบครั้งแรกที่สมรภูมิ Bull Run ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของฝ่ายสมาพันธรัฐ

หลังการรบ โลเรตารู้สึกไม่พอใจกับชีวิตในค่ายและการที่พวกพ้องของเธอปฏิบัติต่อศัตรูอย่างโหดเหี้ยม เธอจึงทิ้งการปลอมตัวเป็นผู้ชายและมุ่งหน้าไปยังวอชิงตัน ดี.ซี. ที่นั่นเธอเริ่มทำงานเป็นสายลับของฝ่ายสมาพันธรัฐ โดยได้ข้อมูลลับจากเพื่อนเก่าของวิลเลียมส์ ในระหว่างที่อยู่ในวอชิงตัน โลเรตาอ้างว่าได้พบกับประธานาธิบดีอับราฮัม ลินคอล์น

เธอกลับไปยังทางใต้ สวมชุดผู้ชายอีกครั้ง และเข้าร่วมการรบที่ป้อมโดเนลสัน แม้ว่าเธอจะบาดเจ็บในการรบ แต่การปลอมตัวก็ยังไม่ถูกเปิดเผย จนกระทั่งเมื่อเธอได้รับบาดเจ็บจากระเบิดที่ไม่ระเบิดเต็มที่ แพทย์จึงพบว่าเธอเป็นผู้หญิง ทำให้เธอต้องหลบหนี

ตลอดช่วงสงคราม เธอยังคงสลับบทบาทระหว่างการเป็นสายลับและการปลอมตัวเป็นผู้ชาย บางครั้งเธอยังได้รับมอบหมายให้ล่าตัวเองอีกด้วย หลังสงคราม โลเรตาได้ติดต่อกับพี่ชายของเธออีกครั้งและเดินทางไปทั่วยุโรปก่อนจะกลับมาสหรัฐฯ เธอแต่งงานอีกสองครั้งและมีลูกชายหนึ่งคน

ในปี 1876 เธอได้ตีพิมพ์หนังสือที่บอกเล่าเรื่องราวการผจญภัยของเธอ โดยเธอเริ่มต้นหนังสือด้วยการบอกว่าเธอไม่ได้เขียนเพื่อหากำไรจากสงคราม แต่เพื่อเลี้ยงดูลูกของเธอ อย่างไรก็ตาม ทันทีที่หนังสือออกวางจำหน่าย ความจริงในเนื้อหาของมันก็ถูกตั้งคำถาม แม้กระทั่งทุกวันนี้ก็ยังมีการถกเถียงกันว่าข้อความใดเป็นความจริงหรือไม่ บางส่วนในหนังสือมีความแม่นยำเกินไปสำหรับคนที่ไม่ได้อยู่ในเหตุการณ์ ขณะที่บางคนที่เคยอยู่ในสถานที่ที่เธออ้างว่าเคยไปกลับปฏิเสธว่าไม่เคยเห็นเธอ