June 12, 2025

เกอร์ตนาโกรา กษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งสิงหะสาหรี

0

เกอร์ตนาโกรา เป็นกษัตริย์องค์สุดท้ายแห่งอาณาจักรตูมะเปล หรือที่รู้จักกันในชื่อ “สิงหะสาหรี” บนเกาะชวา ทรงครองราชย์ตั้งแต่ปี 1268 ถึง 1292 พระองค์ถือเป็นกษัตริย์คนสำคัญในสายตาชาวชวา เพราะสามารถรวมเกาะชวาเป็นปึกแผ่นและขยายอิทธิพลไปถึงเกาะสุมาตรา อีกทั้งยังกล้าปฏิเสธการส่งบรรณาการให้กับจักรวรรดิมองโกลของกุบไลข่าน

เกอร์ตนาโกราเกิดในราชวงศ์สูง และชื่อของพระองค์มีความหมายว่า “ระเบียบในแผ่นดิน” ซึ่งสะท้อนถึงบทบาทของพระองค์ในการรวมแผ่นดินชวาทั้งสองส่วนให้เป็นหนึ่งเดียว พระองค์ได้รับการแต่งตั้งเป็นกษัตริย์ตั้งแต่อายุน้อยในปี 1254 และขึ้นปกครองอย่างเป็นทางการในปี 1268

ระหว่างที่ครองราชย์ พระองค์ต้องเผชิญกับการขยายอำนาจของจักรวรรดิกุบไลข่านในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ กลยุทธ์ในการรับมือคือสร้างพันธมิตรกับอาณาจักรรอบ ๆ และขยายอำนาจครอบคลุมดินแดนโดยรอบ พระองค์มีการเปลี่ยนแปลงการบริหาร โดยปลดรัฐมนตรีใหญ่ รากานาธะ ที่ไม่เห็นด้วยกับแผนการของพระองค์ และแต่งตั้งอรคานี ผู้ที่สนับสนุนแนวทางของพระองค์ขึ้นมาแทน

พระองค์ยังได้แต่งงานกับเจ้าหญิงแห่งจามปา ซึ่งเป็นรัฐที่กำลังตกอยู่ภายใต้การคุกคามของกุบไลข่าน และยังส่งฑูตไปยังมลายูบนเกาะสุมาตรา พร้อมสร้างรูปปั้นสำคัญที่แสดงถึงอิทธิพลในภูมิภาค เช่น การพิชิตเกาะบาหลีในปี 1284 และสร้างรูปปั้นจักรพรรดิเจาะกาโดล็อก (Jaka Dolog) เพื่อยืนยันความชอบธรรมในการปกครองและความเป็นหนึ่งของราชอาณาจักร

ในปี 1289 กุบไลข่านส่งฑูตมาทวงบรรณาการจากเกอร์ตนาโกรา แต่พระองค์ปฏิเสธอย่างแข็งขัน จนก่อให้เกิดความโกรธแค้นในฝั่งมองโกลและนำไปสู่แผนการรุกรานจากจีน อย่างไรก็ตาม ก่อนที่กองทัพมองโกลจะมาถึง เกอร์ตนาโกราก็ถูก เจยากัตวัง แห่งกะดีย์ สังหารขณะดื่มสุราระหว่างพิธีกรรม

แม้ข้อมูลทางประวัติศาสตร์เกี่ยวกับเกอร์ตนาโกราจะค่อนข้างจำกัดและมีความขัดแย้งกัน แต่พระองค์ก็ยังคงได้รับการยกย่องว่าเป็นหนึ่งในผู้นำยิ่งใหญ่ที่สุดของอินโดนีเซีย ตำราประวัติศาสตร์ชวาอย่าง “ปาราราตน” (Pararaton) และ “นาครเกอร์ตาคามา” (Nāgarakertāgama) ก็พูดถึงพระองค์ในแบบที่ต่างกัน โดย “ปาราราตน” มองพระองค์เป็นคนที่หลงในความสุข สนุกกับชีวิต และสุดท้ายตกต่ำเพราะความฟุ่มเฟือย แต่ “นาครเกอร์ตาคามา” กลับยกให้พระองค์เป็นผู้ปกครองที่ฉลาด มีจิตวิญญาณแห่งพุทธตันตระ ซึ่งเน้นพิธีกรรมเวทมนตร์และจิตวิญญาณเป็นหลัก

ความศรัทธาทางศาสนาของเกอร์ตนาโกรายังปรากฏชัดผ่านงานสร้างรูปปั้น ซึ่งไม่ใช่แค่สะท้อนถึงความศรัทธา แต่ยังเป็นส่วนหนึ่งของยุทธศาสตร์การเมือง อย่างไรก็ตาม ก็มีบางคนมองว่าพระองค์มัวแต่โฟกัสกับเรื่องศาสนาจนละเลยการรักษาความมั่นคงของบัลลังก์ ถึงแม้จะมั่นใจว่าจะสามารถต้านทานกุบไลข่านได้ แต่สุดท้ายกลับไม่สามารถป้องกันภัยจากศัตรูภายในได้เลย

แม้ชีวิตของพระองค์จะจบลงอย่างเศร้า แต่เกอร์ตนาโกราก็ยังคงถูกจดจำในฐานะผู้นำที่ยิ่งใหญ่ และตำรา “นาครเกอร์ตาคามา” ก็มักจะได้รับการยอมรับมากกว่าในแง่ความสมจริงทางประวัติศาสตร์

About The Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *