June 12, 2025

“ยุคจ้านกั๋ว” สงครามรวมรวบอำนาจ

0

ยุคจ้านกั๋วในประวัติศาสตร์จีน กินเวลาตั้งแต่ประมาณปี 475 ถึง 221 ปีก่อนคริสตกาล เป็นช่วงท้าย ๆ ของราชวงศ์โจว ยุคนี้ขึ้นชื่อเรื่องสงครามที่เกิดทั่วแผ่นดิน การปฏิรูประบบราชการกับการทหาร แล้วก็การที่รัฐเล็ก ๆ รวมตัวกันกลายเป็นรัฐใหญ่ สุดท้ายรัฐฉินก็กวาดล้างรัฐอื่นหมด แล้วตั้งราชวงศ์ฉินขึ้นมา ซึ่งถือว่าเป็นราชวงศ์จักรพรรดิแรกของเอเชียตะวันออก

ถึงแม้นักประวัติศาสตร์บางคนจะเสนอปีเริ่มต้นของยุคนี้ไม่ตรงกัน แต่ปีที่ใช้กันบ่อยที่สุดคือ 475 ก่อนคริสตกาล ตามที่ “ซือหม่าเชียน” นักประวัติศาสตร์สมัยฮั่นบันทึกไว้ ตอนนั้น ถึงแม้กษัตริย์โจวยังเป็นผู้นำโดยชื่อตำแหน่ง แต่จริง ๆ แล้วไม่มีอำนาจอะไรแล้ว เหลือแค่เป็นตัวแทนเชิงสัญลักษณ์เท่านั้น

คำว่า “ยุคจ้านกั๋ว” มาจากหนังสือประวัติศาสตร์ชื่อว่า บันทึกจ้านกั๋ว ที่ถูกรวบรวมขึ้นตอนต้นราชวงศ์ฮั่น สถานการณ์บ้านเมืองตอนนั้นมีรัฐใหญ่ ๆ อยู่เจ็ดรัฐ คือ ฉินทางตะวันตก, ฮั่น จ้าว เว่ย (ที่แตกออกมาจากรัฐจิ้น) อยู่ตรงกลาง, ฉีทางตะวันออก, ฉู่ทางใต้ แล้วก็แคว้นเอี้ยนทางตะวันออกเฉียงเหนือ ยังมีรัฐเล็ก ๆ อีกหลายรัฐ เช่น ดินแดนของกษัตริย์โจว เยวี่ย จ้งซาน และรัฐย่อยอื่น ๆ ที่ภายหลังก็ถูกรวมไปโดยรัฐใหญ่

พอราชวงศ์โจวตะวันออกเริ่มอ่อนแอลงในศตวรรษที่ 5 ก่อนคริสตกาล รัฐเล็ก ๆ ก็เริ่มถูกรวมเข้าเป็นรัฐใหญ่เจ็ดรัฐที่ว่า อำนาจก็ค่อย ๆ หลุดจากมือราชวงศ์โจว พอไม่มีใครคุมกลาง สงครามระหว่างรัฐก็ยิ่งถี่ขึ้น เพราะต่างฝ่ายต่างอยากเป็นใหญ่ ระบบศักดินาแบบเดิมก็เปลี่ยนไป หลังจากราชสำนักโจวย้ายเมืองหลวง ช่วงปลายยุคชุนชิวก็มีบางรัฐเริ่มแข็งแกร่งขึ้นเรื่อย ๆ จนกลายเป็นฉากเปิดของยุคจ้านกั๋ว

การแบ่งรัฐจิ้น (ช่วงปี 453–403 ก่อนคริสตกาล) คือจุดที่อำนาจของรัฐจิ้นแตกกระจายไปให้สามตระกูลหลัก ได้แก่ ฮั่น จ้าว และเว่ย หลังจากพวกเขาร่วมมือกันจัดการตระกูลจื้อ ในปี 403 ก่อนคริสตกาล ราชวงศ์โจวก็รับรองทั้งสามรัฐอย่างเป็นทางการ ทำให้พวกเขากลายเป็นรัฐอิสระเต็มตัว

ช่วงต้นของยุคจ้านกั๋ว สามรัฐจากจิ้นพยายามร่วมมือกันโดยมีเว่ยเป็นผู้นำ และขยายอำนาจไปได้เยอะพอสมควร แต่สุดท้ายก็เกิดความแตกแยกจากภายใน พอถึงปี 370 ก่อนคริสตกาล ดินแดนเดิมของจิ้นก็ถูกแบ่งหมดเป็นของฮั่น เว่ย และจ้าว กลายเป็นช่วงที่ทุกฝ่ายแย่งชิงอำนาจกันแบบไม่มีหยุด สลับพันธมิตรกันไปมา และรบกันต่อเนื่อง

ปี 379 ก่อนคริสตกาล เกิดการเปลี่ยนแปลงในรัฐฉี เมื่ออำนาจตกเป็นของตระกูลเถียน ทำให้รัฐฉีกลับมาเข้มแข็ง ยึดดินแดนที่เคยเสียไปได้อีกครั้ง พอถึงรัชสมัยของกษัตริย์เว่ย รัฐฉีก็กลายเป็นมหาอำนาจ จนรัฐอื่น ๆ พากันหวั่นเกรง และยังทำให้บ้านเมืองสงบขึ้นด้วย

ท่ามกลางความวุ่นวายนี้ กษัตริย์ฮุ่ยแห่งรัฐเว่ย พยายามทำข้อตกลงแลกเปลี่ยนดินแดนกับฮั่นและจ้าวหลายครั้ง แต่รัฐฉินซึ่งกำลังแผ่อำนาจ ก็สามารถเอาชนะเว่ยได้ในปี 364 ก่อนคริสตกาล หนึ่งในยุทธวิธีที่ดังมากของยุคนี้คือการเบี่ยงเบนความสนใจของข้าศึก เช่นในการรบที่กุ้ยหลิง ที่เว่ยโดนจ้าวหลอกให้ไปล้อมเมืองแล้วพลาดท่าแพ้อย่างหนัก

ในช่วงนี้ ตำแหน่งผู้นำรัฐต่าง ๆ ก็เปลี่ยนจาก “เจ้า” หรือ “侯” มาเป็น “กษัตริย์” หรือ “王” ซึ่งแสดงถึงความเป็นอิสระจากราชสำนักโจวอย่างแท้จริง ปี 344 ก่อนคริสตกาล รัฐฉีกับเว่ยต่างก็ยอมรับสถานะ “กษัตริย์” ของกันและกัน ถือเป็นจุดเปลี่ยนสำคัญในโฉมหน้าการเมืองของยุคจ้านกั๋ว

ยุคนี้จบลงเมื่อรัฐฉินสามารถรวมจีนเป็นหนึ่งเดียวได้สำเร็จ ทำให้ระบบการเมืองแบบที่รัฐต่าง ๆ แข่งกันแย่งอำนาจกันต้องยุติลงไป ยุคจ้านกั๋วไม่ได้มีแค่สงครามอย่างเดียว แต่ยังเป็นช่วงเวลาที่วัฒนธรรมกับแนวคิดทางปรัชญาต่าง ๆ เติบโตขึ้นเยอะมาก กลายเป็นรากฐานสำคัญให้ระบบการปกครองในจีนยุคต่อมา พัฒนาการด้านการทหาร การเปลี่ยนแปลงของอำนาจ และการขึ้น ๆ ลง ๆ ของรัฐต่าง ๆ ก็ล้วนมีบทบาทสำคัญในการหล่อหลอมให้ยุคนี้กลายเป็นช่วงเวลาที่เปลี่ยนแปลงประวัติศาสตร์จีนไปตลอดกาล

About The Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *