เยรูซาเล็ม อาณาจักรเลือด

อาณาจักรเยรูซาเล็มถูกสถาปนาขึ้นในปี ค.ศ. 1099 โดยเหล่าครูเสดหลังจากสงครามครูเสดครั้งแรก โดยมีเยรูซาเล็มเป็นเมืองหลวง นี่ถือเป็นรัฐครูเสดที่สำคัญที่สุดในสี่รัฐครูเสดที่ตั้งอยู่ในตะวันออกกลาง ซึ่งรู้จักกันในชื่อ Latin East หรือ Outremer ถึงแม้จะมีความขัดแย้งทางการเมืองภายในและถูกคุกคามจากกองกำลังมุสลิมอยู่ตลอด แต่อาณาจักรก็สามารถดำรงอยู่ได้ราว ๆ 200 ปี
เมื่อเยรูซาเล็มตกเป็นของซาลาดินในปี ค.ศ. 1187 ถือเป็นการสูญเสียครั้งใหญ่ เมืองหลวงจึงย้ายไปอยู่ที่เอเคอร์ จนกระทั่งอาณาจักรถูกยุบอย่างถาวรในปี ค.ศ. 1291
ต้นกำเนิดของสงครามครูเสดครั้งแรกเริ่มขึ้นเมื่อสมเด็จพระสันตะปาปาเออร์บันที่ 2 ประกาศในปี ค.ศ. 1095 ให้ reclaim เยรูซาเล็มกลับมาจากมุสลิม เหล่าครูเสดสามารถยึดเมืองนีเซีย แอนติออก และเยรูซาเล็มได้สำเร็จ และบางส่วนก็ตัดสินใจตั้งรกรากในพื้นที่นั้นเลย อย่างไรก็ตาม ความสัมพันธ์ระหว่างครูเสดกับจักรวรรดิไบแซนไทน์ค่อนข้างตึงเครียด ทำให้การรักษาอาณาเขตที่ยึดมาได้ไม่ง่ายนัก

เพื่อตั้งรับและบริหารพื้นที่ จึงเกิดรัฐครูเสดขึ้น 4 แห่ง ได้แก่ อาณาจักรเยรูซาเล็ม เคาน์ตีแห่งเอเดสซา เคาน์ตีแห่งทริโปลี และแคว้นเจ้าชายแอนติออก โดยเยรูซาเล็มเป็นรัฐที่สำคัญที่สุด มีอาณาเขตตามแนวชายฝั่งตั้งแต่ยัฟฟาไปจนถึงเบรุต รวมถึงเมืองสำคัญอื่น ๆ อย่างเอเคอร์ ไทร์ และซีซาเรีย
ถึงแม้กษัตริย์จะสามารถร้องขอความช่วยเหลือทางทหารจากรัฐอื่นได้ แต่ก็ไม่ได้รับประกันว่าจะได้จริง กลุ่มอัศวินเทมพลาร์กับฮอสปิทัลเลอร์ให้การสนับสนุนบางส่วน แต่ทั้งสองกลุ่มก็มีอิสระของตัวเอง ไม่ขึ้นกับราชบัลลังก์ ซึ่งทำให้เกิดความแตกแยกและนำไปสู่การล่มสลายในที่สุด กษัตริย์ยังต้องเจอปัญหาในการควบคุมเหล่าขุนนางใหญ่ที่มีอำนาจในท้องถิ่น ซึ่งบางทีก็ปฏิเสธที่จะส่งกำลังทหารหากไม่พอใจ
ตลอดระยะเวลาราวสองศตวรรษ อาณาจักรเต็มไปด้วยความขัดแย้งทางการเมือง การแต่งงานในหมู่ขุนนาง และการแย่งชิงตำแหน่ง แม้จะมีปัญหา แต่ถ้ากษัตริย์บริหารเก่ง และยอมปรึกษาขุนนางเรื่องนโยบายกับการแจกจ่ายที่ดิน ก็สามารถคุมอำนาจได้อยู่
ชาวแฟรงก์ ซึ่งเป็นผู้ตั้งถิ่นฐานใหม่ มาจากหลากหลายพื้นที่ในยุโรป พวกเขาตั้งเมืองต่าง ๆ ทำให้เศรษฐกิจเจริญรุ่งเรืองแม้จะมีความแตกต่างทางวัฒนธรรม ช่วงแรกมีเหตุการณ์รุนแรงต่อคนในพื้นที่ แต่ต่อมาผู้ปกครองครูเสดเริ่มตระหนักถึงความจำเป็นในการอยู่ร่วมกัน จึงมีการยอมรับคนต่างศาสนาในระดับหนึ่ง

ประชากรของอาณาจักรประกอบด้วยหลากหลายชาติพันธุ์ โดยชาวแฟรงก์เป็นเพียงส่วนน้อย ส่วนใหญ่เป็นชาวมุสลิมและคริสเตียนตะวันออก การผสมผสานวัฒนธรรมค่อนข้างจำกัดเพราะความต่างทางภาษาและศาสนา แต่ก็มีแฟรงก์บางคนที่รับวัฒนธรรมท้องถิ่น จนเกิดวิถีชีวิตผสมในพื้นที่ชนบท
เศรษฐกิจของอาณาจักรค่อนข้างแข็งแกร่งจากที่ดินอุดมสมบูรณ์และการค้าขาย แม้จะต้องพึ่งพาความช่วยเหลือจากตะวันตกในด้านทหารและเสบียง รายได้จากการเพาะปลูกและการค้าค่อนข้างสูง โดยเอเคอร์กลายเป็นท่าเรือค้าขายที่สำคัญ แต่ค่าใช้จ่ายในการสร้างป้อมปราการและสงครามก็ทำให้อาณาจักรมักจะขาดเงิน
ความขัดแย้งที่ต่อเนื่องทำให้เกิดสงครามครูเสดเพิ่มเติม อย่างสงครามครั้งที่สองที่ล้มเหลวในการยึดดินแดนคืน ส่วนสงครามครั้งที่สามแม้จะมีบางส่วนที่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ไม่สามารถยึดเยรูซาเล็มคืนได้ การควบคุมเมืองเยรูซาเล็มกลับมาได้ชั่วคราวในสงครามครั้งที่หกโดยใช้การทูตมากกว่าสงคราม แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน ความพ่ายแพ้ทางทหาร เช่น ที่ลาฟอร์บี ยิ่งทำให้อาณาจักรอ่อนแอลง
สงครามครูเสดครั้งที่แปดในปี ค.ศ. 1270 ถือเป็นจุดสิ้นสุดของความพยายามหลักจากครูเสด ด้วยแรงกดดันจากพวกมัมลุกและมองโกลที่เพิ่มขึ้น ทำให้เมืองสำคัญล่มทีละแห่ง จนสุดท้ายเอเคอร์ถูกยึดในปี ค.ศ. 1291 และอาณาจักรเยรูซาเล็มก็สิ้นสุดลงภายใต้การปกครองของชาวมุสลิม