เกสตาโป ตำรวจลับพิทักษ์นาซี

เกสตาโปเป็นตำรวจลับของนาซีเยอรมนี ก่อตั้งขึ้นในปี 1933 และกลายเป็นเครื่องมือแห่งความหวาดกลัวของรัฐ ที่แทบไม่มีข้อจำกัดทางกฎหมายในสิ่งที่พวกเขาทำเลย หน่วยนี้รับหน้าที่จับกุม สอบสวน และประหารชีวิตผู้คนหลายแสนคน รวมถึงชาวยิวและเชลยศึกฝ่ายพันธมิตรด้วย แฮร์มัน เกอริงเป็นคนตั้งเกสตาโปขึ้นมาเพื่อแทนที่ตำรวจการเมืองปรัสเซีย โดยมีรูดอล์ฟ ดีลส์เป็นหัวหน้าคนแรกขององค์กรนี้ ต่อมาในปี 1934 ไฮน์ริช ฮิมเลอร์ก็เข้าควบคุม และโครงสร้างของเกสตาโปก็เปลี่ยนไปเรื่อย ๆ จนรวมเข้าเป็นส่วนหนึ่งของหน่วยงานความมั่นคงที่ใหญ่กว่าอย่างสำนักงานความมั่นคงหลักของไรช์ (RSHA)
หน้าที่ของเกสตาโปคือจับตามองศัตรูของพรรคนาซี ซึ่งรวมถึงชาวยิว ชาวโรมานี คอมมิวนิสต์ และคนอื่น ๆ ที่ต่อต้านรัฐบาลนาซี พอสงครามโลกครั้งที่สองเริ่มขึ้น เป้าหมายของพวกเขาก็ขยายออกไปถึงเชลยศึกและอดีตเจ้าหน้าที่รัฐบาล ผู้คนมากมายกลายเป็นเหยื่อของเกสตาโป ทั้งที่ไม่ได้ทำอะไรผิดเลย แถมยังไม่มีสิทธิ์มีทนายหรืออุทธรณ์ด้วย ศาลประชาชนของนาซีที่มีชื่อเสียงเรื่องความลำเอียงก็ทำหน้าที่สนับสนุนเกสตาโป ด้วยการตัดสินโทษจากกระบวนการที่ไม่ยุติธรรม

รัฐบาลนาซีใช้โฆษณาชวนเชื่อสร้างความหวาดกลัวให้ประชาชนเกรงกลัวเกสตาโป ทำให้คนต้องระวังทุกคำพูดและการกระทำ เพราะกลัวว่าจะมีใครไปรายงานตัวพวกเขา ประชาชนที่ไม่ใช่ชาวยิวก็ถูกจำกัดไม่ให้มีปฏิสัมพันธ์กับชาวยิวซึ่งถูกควบคุมหนักกว่ามาก ที่แย่กว่านั้นคือ เกสตาโปได้ข้อมูลจำนวนมากจากสายลับที่เป็นพลเรือนธรรมดา ไม่ใช่จากการสืบสวนของตำรวจจริง ๆ ด้วยซ้ำ คนที่ถูกจับจำนวนมาก มาจากการฟ้องร้องกันเองในหมู่ประชาชนจนเกสตาโปกลายเป็นเหมือนอยู่ทุกหนทุกแห่ง
เมื่อสงครามยืดเยื้อ เกสตาโปก็มีส่วนในการสังหารหมู่ โดยร่วมมือกับไอน์ซัทซ์กรุพเพน และยังมีบทบาทในการดำเนิน “ทางออกสุดท้าย” ซึ่งเป็นแผนฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ชาวยิว พวกเขายังฆ่าเชลยศึกเพราะเชื้อชาติหรือแนวคิดทางการเมืองอีกด้วย หลังเหตุการณ์ลอบสังหารฮิตเลอร์ที่ล้มเหลวในปี 1944 เกสตาโปก็ยิ่งเข้มงวดมากขึ้น ไล่จับและประหารคนที่ต้องสงสัยว่าเกี่ยวข้องกับแผนลอบสังหารกันเป็นวงกว้าง
แม้ว่าเกสตาโปจะเริ่มล่มสลายตามเยอรมนีในช่วงท้ายสงคราม แต่พวกเขาก็ยังปฏิบัติการต่อจนสงครามจบ ในการพิจารณาคดีที่นูเรมเบิร์ก ศาลตัดสินว่าเกสตาโปเป็นองค์กรอาชญากรรม และผู้นำของมันก็ต้องรับผิดชอบต่ออาชญากรรมสงคราม ถึงเกสตาโปจะไม่ใช่องค์กรใหญ่โตมาก แต่พวกเขาพึ่งพาความร่วมมือจากประชาชนทั่วไปอย่างมาก ซึ่งเกิดจากบรรยากาศแห่งความกลัวที่รัฐบาลสร้างขึ้น การที่มีคนฟ้องร้องกันเองจำนวนมากช่วยให้เกสตาโปทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ จนคนส่วนใหญ่เชื่อว่าอาจจะมีเจ้าหน้าที่เกสตาโปแอบดูพวกเขาอยู่ตลอดเวลาก็ได้