หยาง เซียนหรง เธอมีผัวเป็นฮ่องเต้ถึง2คน
หยาง เซียนหรง หรือที่รู้จักกันในชื่อจักรพรรดินีเซียนเหวิน เป็นจักรพรรดินีที่มีบทบาทในประวัติศาสตร์จีน โดยเธอได้ดำรงตำแหน่งจักรพรรดินีถึงสองราชวงศ์ คือกับจักรพรรดิฮุ่ยแห่งราชวงศ์จิน และต่อมากับหลิว เหยาของรัฐจ้าวเดิม
ชีวิตของเธอเต็มไปด้วยเหตุการณ์ไม่ธรรมดา เพราะเธอถูกปลดและแต่งตั้งกลับมาเป็นจักรพรรดินีหลายครั้ง รวมทั้งหมดถึงสี่ครั้งในช่วงที่อยู่กับราชวงศ์จิน
หยาง เซียนหรงเกิดที่แคว้นไท่ซาน โดยมีพ่อเป็นขุนนางระดับกลาง หลังจากที่ซือหม่า หลุน โค่นอำนาจจักรพรรดินีองค์ก่อนในปี ค.ศ. 300 เธอก็ถูกเลือกให้เป็นจักรพรรดินีองค์ใหม่ในเดือนธันวาคม
แม้จะได้ตำแหน่งจักรพรรดินี แต่ชีวิตแต่งงานของเธอกับจักรพรรดิฮุ่ยก็ไม่ค่อยมีเรื่องราวให้บันทึกมากนัก เนื่องจากจักรพรรดิฮุ่ยมักจะถูกเหล่าองค์ชายผู้มีอำนาจบงการอยู่เบื้องหลังในช่วงสงครามแปดองค์ชาย
หยาง เซียนหรงแทบไม่มีอำนาจทางการเมืองเลย และมักถูกใช้เป็นเครื่องมือของกลุ่มที่คิดก่อรัฐประหาร ระหว่างปี ค.ศ. 304 ถึง 306 เธอถูกถอดจากตำแหน่งและถูกแต่งตั้งกลับหลายครั้ง จนเกือบเอาชีวิตไม่รอดหลังการถูกปลดครั้งที่สี่ เพราะถูกสั่งให้ฆ่าตัวตาย แต่โชคดีที่ข้าหลวงผู้จงรักภักดีช่วยชีวิตเธอไว้ได้
เมื่อต้นปี ค.ศ. 307 จักรพรรดิฮุ่ยก็รับเธอกลับมาอีกครั้ง แต่ต่อมาในปีเดียวกัน จักรพรรดิฮุ่ยก็สิ้นพระชนม์อย่างมีเงื่อนงำ หลังจากนั้นก็เกิดการแย่งชิงราชบัลลังก์ขึ้น เธอพยายามผลักดันให้คนที่เธอสนับสนุนขึ้นครองราชย์ แต่สุดท้ายก็ล้มเหลว เพราะพี่เขยของเธอเป็นฝ่ายชนะและได้ขึ้นครองราชย์แทน
ในช่วงที่จักรพรรดิฮวายครองราชย์ อิทธิพลของหยาง เซียนหรงก็ลดลงอย่างมาก และเมื่อกองทัพจินพ่ายให้กับกองทัพฮั่น เธอก็รอดชีวิตและถูกหลิว เหยา นำไปเป็นภรรยา
หลังจากนั้น ชีวิตของเธอกับหลิว เหยาก็กลับมาราบรื่นอีกครั้ง เธอกลับมาเป็นที่โปรดปราน และให้กำเนิดบุตรชายสามคน ต่อมาเมื่อหลิว เหยาทำรัฐประหารและขึ้นครองราชย์เอง พร้อมกับเปลี่ยนชื่อรัฐจากฮั่นเป็นจ้าว เธอก็ได้รับการแต่งตั้งเป็นจักรพรรดินีอีกครั้ง
ช่วงเวลานั้นเธอก็มีบทบาทในกิจการบ้านเมืองด้วย จนกระทั่งเธอเสียชีวิตในเดือนพฤษภาคม ปี ค.ศ. 322 ลูกชายของเธอ หลิว ซี ก็ถูกตั้งเป็นรัชทายาทในภายหลัง แต่สุดท้ายก็ถูกฆ่าพร้อมกับหลิว เหยาเมื่อราชวงศ์ของพวกเขาสิ้นสุดลง
ชีวิตของหยาง เซียนหรงเป็นภาพสะท้อนของความปั่นป่วนทางการเมือง และการต่อสู้ดิ้นรนส่วนตัว ท่ามกลางความขัดแย้งครั้งใหญ่ในประวัติศาสตร์จีนยุคนั้น
About The Author
