“ปาโบล เอสโกบาร์” ราชาแห่งโคเคน

ปาโบล เอสโกบาร์ หัวหน้ากลุ่มค้ายาเมเดยีน ยังคงเป็นบุคคลที่มีอิทธิพลในวัฒนธรรมสมัยนิยมมาจนถึงทุกวันนี้ เพราะมีหนัง หนังสือ และเพลงมากมายที่พูดถึงชีวิตของเขา
เอสโกบาร์เริ่มเข้าสู่วงการอาชญากรรมตั้งแต่วัยรุ่น เริ่มจากการขายวุฒิปลอม ก่อนจะขยับไปทำเรื่องใหญ่ขึ้นอย่างขโมยรถและลักลอบขนยาเสพติด พอถึงกลางยุค 1970 เขาก็มีส่วนร่วมในการก่อตั้งองค์กรอาชญากรรมที่ต่อมากลายเป็นแก๊งเมเดยีนอันทรงอิทธิพล

ช่วงที่กลุ่มนี้รุ่งสุด ๆ พวกเขาควบคุมตลาดโคเคนเกือบทั้งหมด ทำรายได้ถึงสัปดาห์ละประมาณ 420 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ทำให้เอสโกบาร์กลายเป็นหนึ่งในคนที่รวยที่สุดในโลก มีทรัพย์สินประมาณ 25,000 ล้านดอลลาร์ เขาใช้ชีวิตหรูหราสุดขีด มีทั้งเครื่องบินส่วนตัว คฤหาสน์หรู และจัดปาร์ตี้เว่อร์วังอยู่ตลอด
ปลายยุค 1980 เขาเคยเสนอจะจ่ายหนี้ให้ประเทศโคลอมเบียถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ แลกกับการไม่ถูกส่งตัวไปสหรัฐ ในช่วงที่ครอบครัวของเขาต้องหลบซ่อน เขาเคยถึงกับเผาเงิน 2 ล้านดอลลาร์เพื่อให้ลูกสาวอบอุ่น แม้จะรวยขนาดนั้น แต่เขาก็ใช้เงินไม่หมด มีเงินประมาณ 10% หรือราว 2.1 พันล้านดอลลาร์ที่หายหรือถูกทำลายไปในแต่ละปี
หนึ่งในอสังหาริมทรัพย์ที่โด่งดังที่สุดของเขาคือ ฮาเซียนดา นาโปเลส ที่ดินขนาดมหึราคากว่า 63 ล้านดอลลาร์ มีทั้งสนามฟุตบอล สนามสู้วัว และทะเลสาบจำลอง ที่นี่ยังมีสวนสัตว์ส่วนตัวที่รวมสัตว์หายากมากมาย ซึ่งหลายตัวถูกลักลอบนำเข้ามาทางเที่ยวบินค้ายา หลังจากเขาตายเมื่อปี 1993 สัตว์ส่วนใหญ่ถูกย้ายออกไป แต่ฮิปโปกลุ่มหนึ่งยังอยู่และแพร่พันธุ์จนสร้างปัญหาในท้องถิ่นเรื่องความปลอดภัยและสิ่งแวดล้อม
เอสโกบาร์พยายามสร้างภาพลักษณ์ในสายตาชาวบ้านด้วยการทำงานการกุศล จนได้รับฉายาว่า “โรบินฮูด” เพราะเขาสร้างโรงพยาบาล และสนับสนุนทีมกีฬาท้องถิ่น ความนิยมของเขาขึ้นถึงจุดสูงสุดตอนที่เขาได้รับเลือกเป็นสมาชิกสภาในปี 1982 แต่หลังจากสองปี เขาต้องลาออก เพราะมีความพยายามจะเปิดโปงกิจกรรมผิดกฎหมายของเขา ซึ่งทำให้รัฐมนตรีกระทรวงยุติธรรมถูกลอบสังหาร

วิธีจัดการกับศัตรูของเขาคือคติ “Plata o Plomo” แปลตรง ๆ ว่า “เงินหรือกระสุน” คือให้เลือกว่าจะรับสินบนหรือจะตาย เขาใช้ความรุนแรงอย่างหนัก ฆ่าทั้งตำรวจและเจ้าหน้าที่รัฐ กลุ่มของเขายังอยู่เบื้องหลังเหตุวางระเบิดเครื่องบินในปี 1989 ที่ทำให้คนเสียชีวิตราว 100 คน
ในปี 1991 เขายอมมอบตัว แต่มีข้อแม้ว่าต้องให้เขาสร้างเรือนจำของตัวเองชื่อว่า “ลา กาเตดรัล” ซึ่งมีสิ่งอำนวยความสะดวกครบเหมือนโรงแรม แต่เมื่อพบว่าเขายังสั่งการฆ่าคนจากในคุก ก็ทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไป พอถึงเดือนกรกฎาคม 1992 เขาหลบหนีออกมาได้ และมีการล่าตัวครั้งใหญ่ โดยมีทั้งสหรัฐและแก๊งค้ายาคู่แข่งร่วมด้วย
วันที่ 2 ธันวาคม 1993 เขาถูกพบที่เมืองเมเดยีน และถูกสังหารในการยิงปะทะกับกองกำลังโคลอมเบีย แต่ก็มีบางคนเชื่อว่าเขาอาจยิงตัวตายเอง เพราะไม่อยากถูกส่งตัวไปสหรัฐ โดยเขาเคยพูดว่า “ยอมตายที่โคลอมเบียดีกว่าไปติดคุกในต่างประเทศ”