June 12, 2025

การฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ในสงครามบอสเนีย

0

เกิดขึ้นในช่วงสงครามบอสเนียระหว่างปี 1992 ถึง 1995 ซึ่งส่งผลกระทบอย่างหนักต่อชาวบอสเนียเชื้อสายมุสลิม (โบซเนียก) และชาวโครแอตในบอสเนีย ที่ถูกกองทัพของสาธารณรัฐเซิร์ปสกาและกลุ่มกึ่งทหารเซิร์บบังคับขับไล่หรือเนรเทศออกจากถิ่นฐาน ในทางกลับกัน ชาวโครแอตและเซิร์บในบอสเนียเองก็เผชิญกับความรุนแรงจากกองกำลังของชาวมุสลิมบอสเนียเช่นกัน โดยเฉพาะกองทัพแห่งสาธารณรัฐบอสเนียและเฮอร์เซโกวีนา รวมถึงกลุ่มมูจาฮีดีนบอสเนีย รายงานของคณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติในปี 1994 ระบุว่าชาวโบซเนียกแม้จะมีการละเมิดกฎหมายระหว่างประเทศอย่างร้ายแรง แต่ไม่ได้ดำเนินการกวาดล้างชาติพันธุ์อย่างเป็นระบบ

ช่วงกลางปี 1992 ความวุ่นวายทางการเมืองทำให้มีผู้พลัดถิ่นราว 2.7 ล้านคน ถือเป็นการอพยพครั้งใหญ่ที่สุดในยุโรปนับตั้งแต่สงครามโลกครั้งที่ 2 โดยประมาณว่ามีคนถูกขับไล่หรือพลัดถิ่นระหว่าง 1.0 ถึง 1.3 ล้านคน และมีผู้เสียชีวิตอีกหลายหมื่นคน วิธีการกวาดล้างชาติพันธุ์ในตอนนั้นรวมถึงการสังหารพลเรือน ข่มขืน ทรมาน และการทำลายทรัพย์สิน โดยมีชาวโบซเนียกเป็นเหยื่อหลัก

ในอดีต บอสเนียและเฮอร์เซโกวีนาเคยเป็นสังคมที่หลากหลายทางชาติพันธุ์ โดยมีชาวโบซเนียก ชาวเซิร์บ และชาวโครแอตอาศัยอยู่ร่วมกันอย่างค่อนข้างสงบ จนกระทั่งเกิดความตึงเครียดก่อนสงครามโลกครั้งที่ 1 ซึ่งมีสาเหตุหลักจากปัญหาเศรษฐกิจและกระแสชาตินิยมจากกลุ่มเซิร์บและโครแอต สงครามโลกครั้งที่ 2 ทำให้เกิดความรุนแรงระหว่างกลุ่มชาติพันธุ์ แต่หลังสงคราม บอสเนียก็กลายเป็นส่วนหนึ่งของสาธารณรัฐสังคมนิยมยูโกสลาเวีย จนกระทั่งหลังการเสียชีวิตของโยซิป บรอซ ติโต สถานการณ์การเมืองเริ่มเสื่อมถอย และในปี 1991 สโลวีเนียกับโครเอเชียประกาศแยกตัวออกจากยูโกสลาเวีย ซึ่งฝ่ายผู้นำเซิร์บไม่ยอมรับ

ประเด็นสำคัญคือ ในปี 1992 สภาเซิร์บบอสเนียประกาศจัดตั้งสาธารณรัฐเซิร์บ โดยมีเป้าหมายที่จะแยกตัวออกจากกลุ่มชาติพันธุ์อื่น ๆ ซึ่งจุดชนวนให้เกิดความขัดแย้งรุนแรง เมื่อกองกำลังเซิร์บพยายามสร้าง “เซอร์เบียมหาอำนาจ” ในช่วงแรก กองกำลังโบซเนียกและโครแอตยังร่วมมือกันเพื่อต่อสู้กับกองทัพประชาชนยูโกสลาเวียและกองทัพเซิร์บบอสเนีย แต่ความร่วมมือดังกล่าวก็แตกร้าวในเวลาต่อมา คำว่า “การกวาดล้างชาติพันธุ์” ใช้เรียกการกระทำที่มุ่งสร้างพื้นที่ที่มีแต่ชาติพันธุ์เดียวผ่านการใช้กำลังหรือการข่มขู่ ซึ่งมีผลกระทบต่อสิทธิมนุษยชนโดยตรง

รายงานจากนานาชาติหลายฉบับทั้งในระหว่างและหลังความขัดแย้ง ยืนยันถึงลักษณะความรุนแรงอย่างเป็นระบบของการกวาดล้างชาติพันธุ์ ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญของพวกชาตินิยมเซิร์บในการควบคุมพื้นที่ที่มีชาวเซิร์บเป็นส่วนใหญ่ โดยกลุ่มกึ่งทหารมีบทบาทสำคัญในกระบวนการนี้ มีชาวโบซเนียกระหว่าง 700,000 ถึง 1,000,000 คนที่ถูกขับไล่ออกจากพื้นที่ภายใต้การควบคุมของเซิร์บ โดยใช้วิธีบีบบังคับและข่มขู่เป็นหลัก

รัฐธรรมนูญฉบับแรกของสาธารณรัฐเซิร์ปสกาก็ระบุชัดว่าเป็นรัฐของชาวเซิร์บเท่านั้น ซึ่งเป็นการส่งเสริมการเลือกปฏิบัติต่อคนที่ไม่ใช่เซิร์บอย่างเป็นระบบ ตัวอย่างเช่น ในเมืองปรีเยดอร์ ชาวที่ไม่ใช่เซิร์บถูกไล่ออกจากงาน ถูกจำกัดสิทธิต่าง ๆ ในที่สาธารณะ และถูกกระทำด้วยความรุนแรง จนหลายคนต้องเข้าไปอยู่ในค่ายกักกันหรือหนีออกจากบ้านเรือนของตน

โดยรวมแล้ว การกวาดล้างชาติพันธุ์ในช่วงสงครามบอสเนียเต็มไปด้วยความรุนแรงและการบังคับให้ผู้คนพลัดถิ่น ซึ่งก่อให้เกิดผลกระทบอย่างยาวนานต่อโครงสร้างประชากรและวัฒนธรรมของภูมิภาคนี้

About The Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *