นองเลือดที่ว็องเด

สงครามในแคว้นว็องเด (Vendée) คือการก่อกบฏต่อต้านการปฏิวัติที่เกิดขึ้นในแคว้นว็องเดของฝรั่งเศส ระหว่างปี 1793 ถึง 1796 ช่วงการปฏิวัติฝรั่งเศส (1789–1799) โดยเหตุการณ์นี้เกิดขึ้นเพราะประชาชนในแคว้นว็องเดลุกฮือขึ้นมาต่อต้านการเกณฑ์ทหารที่รัฐบาลสาธารณรัฐฝรั่งเศสบังคับใช้ พวกเขาจึงรวมตัวกันจัดตั้งเป็นกองทัพ ‘ศาสนาและราชวงศ์’ เพื่อต่อสู้กับฝ่ายปฏิวัติ ในประวัติศาสตร์ สงครามกลางเมืองนี้เป็นที่จดจำถึงความโหดร้ายรุนแรงที่เกิดขึ้นอย่างมาก
สงครามในแคว้นว็องเดมักถูกมองในเชิงสัญลักษณ์ว่าเป็นการต่อสู้สุดท้ายระหว่างระบอบเก่ากับแนวคิดการปฏิวัติฝรั่งเศส แต่แนวคิดนี้อาจไม่ตรงกับแรงจูงใจที่แท้จริงของกลุ่มกบฏเสียทีเดียว เพราะเหตุผลหลักที่ทำให้พวกเขาลุกขึ้นสู้มาจากความไม่พอใจที่มองว่าฝ่ายปฏิวัติจากปารีสนั้นกดขี่และใช้อำนาจเกินควร กระบวนการถอนรากถอนโคนศาสนาคริสต์ที่รัฐบาลปฏิวัติพยายามผลักดันทำให้ชาวว็องเดที่เป็นกลุ่มคนเคร่งศาสนารู้สึกถูกกดดันมากขึ้น พวกเขายิ่งโกรธหนักเมื่อรัฐบาลประกาศในเดือนกุมภาพันธ์ 1793 ว่าจะมีการเกณฑ์ทหารเพื่อไปรบในสงครามพันธมิตรรอบแรก (1792–1797) การสนับสนุนฝ่ายกษัตริย์เกิดขึ้นภายหลังที่พวกเขาก่อกบฏแล้ว ซึ่งตรงกับที่นักประวัติศาสตร์ ฟร็องซัวส์ ฟูเรต์ (François Furet) ชี้ไว้ว่า ชาวว็องเดไม่ได้ลุกขึ้นสู้เพราะความเสียดายระบอบเก่า แต่เพราะมองว่าระบอบใหม่ยิ่งกดขี่เสียกว่าเดิม

ความสูญเสียที่เกิดขึ้นในสงครามนี้ได้ทำให้สงครามในแคว้นว็องเดกลายเป็นหนึ่งในเหตุการณ์ที่แตกแยกที่สุดในประวัติศาสตร์การปฏิวัติฝรั่งเศสจนถึงทุกวันนี้ เหตุการณ์ที่โหดร้ายที่สุดคือการสังหารหมู่ชาวว็องเดโดยทหาร ‘กองกำลังปีศาจ’ ของรัฐบาลสาธารณรัฐ ซึ่งได้รับคำสั่งจากสภาประชาชาติให้ทำลายแคว้นว็องเดให้เป็นเสมือนทะเลทรายร้าง ทหารกลุ่มนี้บุกไปทั่วภูมิภาค เผาทำลายทรัพย์สิน ปล้นสะดม และสังหารผู้คนอย่างไร้ความปรานี มีการคาดการณ์ว่ามีชาวว็องเดอย่างน้อย 170,000 คนถูกสังหารในสงครามครั้งนี้ คิดเป็น 20% ของประชากรทั้งหมดในแคว้น ทำให้บางนักประวัติศาสตร์เรียกสงครามในแคว้นว็องเดว่าเป็นการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยุคใหม่ครั้งแรก ซึ่งก็ยังคงเป็นประเด็นที่ถกเถียงกันอยู่จนถึงทุกวันนี้