October 22, 2024

ไอวาร์ นักรบไวกิ้งพิการผู้พิชิตอังกฤษ

0

เรื่องราวของไอวาร์ เดอะ โบนเลส ถูกเล่าขานมาหลายศตวรรษ สร้างความหวาดกลัวให้กับเด็กชาวไวกิ้งเมื่อได้ฟังตำนานการต่อสู้อันดุเดือดและยิ่งใหญ่ของเขาจากผู้เฒ่าผู้แก่ ล่าสุดเรื่องราวของเขาถูกนำมาเล่าใหม่ในซีรีส์ยอดนิยมอย่าง Vikings (2013-2020) บางคนบอกว่า ไอวาร์เป็นนักรบผู้พิการที่ประสบความสำเร็จที่สุดในโลก ขณะที่บางคนเชื่อว่าชื่อเสียงของเขาเป็นเพียงตำนานเท่านั้น

จาก The Tale of Ragnar Loðbrok ตำนานนอร์ดิกในศตวรรษที่ 13 ไอวาร์ เดอะ โบนเลส เป็นบุตรชายของแร็กนาร์และภรรยาคนที่สาม อัสเลาก์ ซึ่งเป็นผู้หยั่งรู้อนาคตและทำนายว่าลูกชายของเธอจะเกิดมาพิการ

ในเรื่องเล่าเรียกเขาว่า “Ívarr beinlausi” ซึ่งแปลว่า “ไอวาร์ไร้ขา” ตำนานไวกิ้งหลายเรื่องบรรยายว่าเขาไม่มีขาหรือมีกระดูกขาที่อ่อนแอ ซึ่งอาจเป็นผลมาจากโรคกระดูกเปราะ หรือ osteogenesis imperfecta นอกจากนี้ยังมีข้อความหนึ่งเกี่ยวกับบุตรของแร็กนาร์ที่แสดงให้เห็นว่า ฉายานี้อาจหมายถึงการไร้สมรรถภาพทางเพศแทน

ตามตำนาน อาการของไอวาร์เกิดจากคำสาปที่แม่ของเขาทำนายไว้ เมื่อแร็กนาร์และอัสเลาก์แต่งงานกันครั้งแรก อัสเลาก์ได้ขอให้แร็กนาร์รอสามคืนก่อนจะมีสัมพันธ์กัน แต่แร็กนาร์ไม่ฟัง ทำให้คำสาปนี้เป็นจริง ส่งผลให้ไอวาร์เกิดมาพร้อมขาที่อ่อนแอและผิดปกติ

แร็กนาร์และอัสเลาก์มีลูกชาย 5 คน คือ ไอวาร์ เดอะ โบนเลส, บียอร์น ไอรอนไซด์, ฮวิตเซิร์ก, อุบเบ และซิกูร์ด สเนคอินเดอะอาย ซึ่งทุกคนต่อมาก็กลายเป็นนักรบที่มีชื่อเสียง ถึงแม้ไอวาร์จะขาดความแข็งแรงทางร่างกาย แต่เขาก็มีสติปัญญาที่เฉียบแหลม เป็นหนึ่งในนักวางแผนการทหารที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุคนั้น ตำนานไวกิ้งบรรยายว่าเขา “มีเพียงกระดูกอ่อนในที่ที่ควรมีกระดูก แต่เขายังคงเติบโตสูงสง่างาม และในด้านสติปัญญา เขาคือคนที่ฉลาดที่สุดในบรรดาลูกๆ ของพวกเขา”

ตามตำนาน แร็กนาร์ถูกสังหารโดยกษัตริย์แองโกล-แซกซอน Ælla แห่งนอร์ธัมเบรียในศตวรรษที่ 9 โดยเขาถูกโยนลงไปในหลุมที่เต็มไปด้วยงูพิษ ไอวาร์ เดอะ โบนเลสและพี่น้องของเขาต้องการแก้แค้นให้กับการตายของพ่อ จึงได้ก่อตั้งกองทัพไวกิ้งใหญ่ขึ้นมาในปี 865 และนำกองกำลังไปยังดินแดนที่ปัจจุบันคืออังกฤษ เพื่อทำสงครามกับอาณาจักรแองโกล-แซกซอนทั้งเจ็ด ได้แก่ อีสต์แองเกลีย เคนต์ นอร์ธัมเบรีย ซัสเซ็กซ์ เมอร์เซีย เอสเซ็กซ์ และเวสเซ็กซ์ แม้ว่าไอวาร์จะพิการ แต่เขาก็ยังเป็นนักรบที่เก่งกาจ เขาจะถูกยกขึ้นสู่สนามรบด้วยโล่ที่ใช้แทนเปลหาม และสามารถใช้ดาบสังหารศัตรูได้

ตามตำนาน ไอวาร์ไม่สามารถเอาชนะกษัตริย์ Ælla ได้ เขาจึงขออภัยและขอที่ดินจากกษัตริย์นอร์ธัมเบรียเท่าที่จะปูได้ด้วยหนังวัว เพื่อแลกกับสัญญาว่าจะไม่ทำสงครามอีก ไอวาร์จึงใช้ความฉลาดในการฉีกหนังวัวเป็นเส้นบางๆ เพื่อพันรอบป้อมปราการทั้งเมืองยอร์ก ซึ่งเป็นเมืองหลวงของนอร์ธัมเบรีย

หลังจากยึดยอร์กได้ ไอวาร์ตามล่ากษัตริย์ Ælla และล้างแค้นด้วยวิธีที่โหดเหี้ยมที่สุดของชาวไวกิ้ง นั่นคือพิธี “นกอินทรีโลหิต” ซึ่งเป็นการทรมานแบบดั้งเดิมที่โหดร้าย โดยจะตัดซี่โครงออกจากกระดูกสันหลัง แล้วดึงปอดออกมาวางบนหลังของเหยื่อให้ดูเหมือนปีก ในกรณีของ Ælla คนของไอวาร์ยังโรยเกลือลงในบาดแผลเพื่อให้เขาทรมานนานยิ่งขึ้น

หลังจากยึดยอร์กได้แล้ว ไอวาร์ก็พุ่งเป้าไปยังส่วนอื่นๆ ของอังกฤษ กองทัพไวกิ้งได้ทำลายโบสถ์และอารามเผาจนเหลือแต่กำแพงที่ไร้หลังคา หนึ่งในเหตุการณ์ที่มีชื่อเสียงที่สุดคือการประหารกษัตริย์เอ็ดมันด์แห่งอีสต์แองเกลีย หลังจากที่กษัตริย์ปฏิเสธไม่ยอมทิ้งพระเยซู เขาถูกทุบตีด้วยกระบอง ผูกไว้กับต้นไม้ และถูกยิงด้วยลูกธนูจำนวนมากจนร่างดูเหมือนเม่น ความตายที่โหดร้ายนี้ทำให้ชาวคริสต์เรียกกษัตริย์ว่า “นักบุญเอ็ดมันด์ผู้พลีชีพ”

ภายในปี ค.ศ. 870 ไอวาร์ เดอะ โบนเลส และกองทัพไวกิ้งใหญ่สามารถยึดครองเกือบทั่วทั้งอังกฤษและบางส่วนของไอร์แลนด์ได้ บางบันทึกบอกว่าเขาเสียชีวิตในปีนั้น แต่บางแหล่งบอกว่าเขาเสียชีวิตในปี ค.ศ. 873 แต่ทุกบันทึกต่างเห็นตรงกันว่าเขาเสียชีวิตจากโรคที่รุนแรงและฉับพลัน ซึ่งอาจเป็นโรคเดียวกับที่เขาต้องทนทุกข์มาตลอดชีวิต

About The Author

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *