กบฏวัดฮนโนจิ
ในปี ค.ศ. 1582 โอดะ โนบุนางะอยู่ในจุดสูงสุดของอำนาจ และในฐานะขุนศึกที่ทรงอิทธิพลที่สุด เขาก็เป็นผู้นำโดยพฤตินัยของญี่ปุ่นแล้ว โนบุนางะและโทคุงาวะ อิเอยาสุได้ยึดครองจังหวัดชินาโนะและไคสำเร็จ และเอาชนะตระกูลทาเคดะในยุทธการที่เท็นโมคุซัน ทำลายล้างตระกูลทาเคดะ ส่งผลให้ทาเคดะ คัตสึโยริ ต้องหนีจากการต่อสู้ก่อนจะฆ่าตัวตายพร้อมกับภรรยาขณะที่ถูกทหารของโนบุนางะไล่ตาม
ณ จุดนี้ โนบุนางะกำลังเตรียมแผนบุกจังหวัดเอตชู ชิโกกุ และอาณาจักรของตระกูลโมริ ขณะเดียวกัน ฮาชิบะ ฮิเดโยชิ อดีตผู้ถือรองเท้าของโนบุนางะ ได้บุกจังหวัดบิตจูและล้อมปราสาททาคามัตสึ ซึ่งมีความสำคัญมากต่อตระกูลโมริ หากเสียปราสาทนี้ไป อาณาจักรของตระกูลโมริจะตกอยู่ในอันตราย โมริ เทรุโมโตะได้นำกองกำลังเสริมมาช่วยทำให้ฮิเดโยชิจำเป็นต้องขอกำลังเสริมจากโนบุนางะ โนบุนางะจึงสั่งให้แม่ทัพหลัก รวมถึงอาเคจิ มิตสึฮิเดะ เตรียมกองทัพทันที โดยที่โนบุนางะจะนำทัพเอง
โนบุนางะออกจากปราสาทอาซึจิไปยังวัดฮอนโนจิในเกียวโต ที่ซึ่งเขามักไปจัดพิธีชงชา เมื่อไปถึงที่นั่น โนบุนางะมีเพียงคนติดตามแค่ 30 คนเท่านั้น ในขณะที่ลูกชายของเขา โอดะ โนบุทาดะ นำทหารม้าจำนวน 2,000 นายมาด้วย อาเคจิ มิตสึฮิเดะ ที่ประจำอยู่ในจังหวัดทัมบะ พากองทัพมุ่งหน้าไปเกียวโตโดยอ้างว่าจะปฏิบัติตามคำสั่งของโนบุนางะ แต่ขณะที่ข้ามแม่น้ำคัตสึระ มิตสึฮิเดะตัดสินใจทรยศโนบุนางะ สาเหตุของการทรยศนี้ยังคงเป็นที่ถกเถียงกัน
มิตสึฮิเดะรู้ว่าโนบุนางะไม่ได้รับการคุ้มกันมากนักเพราะเขากำลังจะจัดพิธีชงชา จึงมองว่าเป็นโอกาสลงมือ ในเวลานั้น มีคนเล่าว่ามิตสึฮิเดะประกาศกับทหารของเขาว่า “ศัตรูอยู่ที่ฮอนโนจิ!” แต่ตามความจริงแล้ว มิตสึฮิเดะเก็บเรื่องนี้เป็นความลับเพื่อไม่ให้ข่าวรั่วไหล
วันที่ 21 มิถุนายน 1582 ก่อนรุ่งเช้า กองทัพของมิตสึฮิเดะล้อมวัดฮอนโนจิที่โนบุนางะพักอยู่ ขณะที่อีกชุดบุกโจมตีวัดเมียวคาคุจิซึ่งเป็นที่พักของโนบุทาดะ ถึงแม้โนบุนางะและข้ารับใช้จะพยายามต่อสู้ต้านการโจมตีอย่างไม่คาดคิดนี้ แต่ก็ถูกเอาชนะในที่สุด โนบุนางะสู้ไปพักหนึ่งก่อนที่จะถอยกลับเข้าไปภายในวัดและให้บรรดาหญิงรับใช้หนีออกไป จากนั้นเขาจึงตัดสินใจทำเซ็ปปุกุ (การฆ่าตัวตายเพื่อรักษาเกียรติ) ในห้องด้านใน
หลังจากที่ยึดวัดฮอนโนจิได้แล้ว มิตสึฮิเดะก็โจมตีโนบุทาดะ ลูกชายคนโตและทายาทของโนบุนางะ ซึ่งก็ตายด้วยการฆ่าตัวตายเช่นกันมิตสึฮิเดะพยายามหาศพของโนบุนางะแต่หาไม่เจอ ทำให้ไม่สามารถพิสูจน์ได้ว่าโนบุนางะตายแล้ว จึงไม่สามารถสร้างความชอบธรรมให้กับการก่อกบฏของตน หรือดึงดูดการสนับสนุนจากผู้ที่ยังสงสัยว่าโนบุนางะตายจริงหรือไม่
ต่อมาเมื่อฮาชิบะ ฮิเดโยชิ ข้ารับใช้ของโนบุนางะ รู้ข่าวการตายของเจ้านาย เขาสกัดจดหมายจากมิตสึฮิเดะที่ส่งไปหาตระกูลโมริ แจ้งข่าวการตายของโนบุนางะและขอให้ตระกูลโมริเข้าร่วมเป็นพันธมิตร ฮิเดโยชิสามารถเจรจากับตระกูลโมริสำเร็จ โดยขอให้ชิมิสึ มุเนฮารุทำเซ็ปปุกุ เพื่อแลกกับการยกเลิกการปิดล้อมปราสาททาคามัตสึ หลังจากนั้นฮิเดโยชิเดินทัพกลับไปยังเกียวโตอย่างรวดเร็วในสิ่งที่เรียกว่า “การเดินทัพเร่งด่วนจูโกกุ”
มิตสึฮิเดะล้มเหลวในการสร้างฐานอำนาจหลังจากการตายของโนบุนางะ กองทัพของเขาถูกเอาชนะโดยฮิเดโยชิในการรบที่ยามาซากิในเดือนกรกฎาคม 1582 มิตสึฮิเดะถูกฆ่าตายในเหตุการณ์ “การล่าผู้พ่ายแพ้” จากนั้น ฮิเดโยชิได้สืบทอดภารกิจของโนบุนางะ และสามารถรวมญี่ปุ่นได้สำเร็จภายในทศวรรษต่อมา